เมื่อเข้าสู่กระบวนการปฏิสนธินอกร่างกาย หรือ การทำเด็กหลอดแก้ว คุณจะต้องผ่านหลายขั้นตอน การกระตุ้นไข่คือขั้นตอนแรกของการรักษาซึ่งจะเกิดขึ้นหลังแพทย์ทำการตรวจและทดสอบร่างกาย ผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะเจริญพันธุ์จะใช้ผลเหล่านั้นยืนยันความมั่นใจว่าการช่วยการเจริญพันธุ์ด้วยวิธีนี้คือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคู่รักที่ต้องการตั้งครรภ์
การกระตุ้นไข่คืออะไร
การกระตุ้นไข่คือขั้นตอนของการช่วยกระตุ้นการผลิตไข่ที่โตเต็มที่ภายในรังไข่ กระบวนการนี้จะทำให้มีไข่มากขึ้นให้เก็บและใช้ในการสร้างตัวอ่อนที่จะถูกย้ายไปยังมดลูกของผู้หญิงเพื่อฝังตัว ต่อไปนี้คือการอธิบายสิ่งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเมื่อคุณเข้าสู่กระบวนการกระตุ้นไข่
ภาวะขาดประจำเดือน
ระหว่างสองสัปดาห์แรกของกระบวนการ ผู้หญิงจะได้รับยาเพื่อหยุดรอบเดือนตามธรรมชาติและมีการสอนวิธีใช้ยาด้วยตนเองซึ่งอาจเป็นรูปแบบของการฉีดยาทุกวันหรือการฉีดสเปรย์เข้าทางจมูก
การผลิตไข่
หลังผ่านไปสองสัปดาห์ รอบเดือนตามธรรมชาติควรหยุดเรียบร้อยแล้ว ผู้หญิงจะเปลี่ยนมารับยาอีกประเภทหนึ่งซึ่งอาจเป็นฮอร์โมนกระตุ้นการเจริญของไข่ (FSH) หรือฮอร์โมนลูทิไนซิง (LH) แพทย์อาจจ่ายฮอร์โมนดังกล่าวเพียงตัวเดียวหรือทั้งสองตัว ฮอร์โมนเหล่านี้จะกระตุ้นการเจริญของไข่ในรังไข่เพื่อผลิตไข่ให้มากขึ้นในเวลาเดียวกัน ยิ่งมีไข่ที่เจริญเต็มที่ให้เก็บมากขึ้น โอกาสที่กระบวนการจะสำเร็จก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากมีตัวอ่อนให้เพาะเลี้ยงมากขึ้น
สภาวะของรังไข่จะถูกเฝ้าสังเกตต่อไปอีก 1-2 สัปดาห์ในขณะที่ได้รับยา การอัลตร้าซาวน์และการตรวจเลือดจะช่วยบ่งชี้ว่าถึงเวลาเลี้ยงไข่อ่อนแล้วหรือยัง
การเลี้ยงไข่อ่อน (Egg Maturation)
วิธีนี้เรียกได้อีกอย่างว่า Oocyte Maturation ซึ่งเข้าใกล้ขั้นตอนการเก็บไข่มากขึ้น ผู้หญิงจะได้รับฮอร์โมนที่ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตและการตกไข่ของผู้หญิง (hCG) ไข่ที่เจริญเติบโตแล้วคือเป้าหมายของการเก็บไข่ นอกจากนี้ ผู้หญิงจะได้รับยาอื่นร่วมด้วยเพื่อป้องกันการตกไข่ก่อนเวลาอันควร ซึ่งการตกไข่หมายถึงการที่ไข่เคลื่อนออกมาจากรังไข่ ไข่ไม่ควรออกมาก่อนเนื่องจากไข่จะต้องถูกเก็บโดยแพทย์จากถุงไข่เมื่อถึงเวลา การเก็บไข่มักจะเกิดขึ้น 34-36 ชั่วโมงหลังได้รับฮอร์โมน hCG
คุณจะรู้สึกอย่างไร?
เราได้อธิบายเกี่ยวกับยาและกรอบเวลาของผู้หญิงในกระบวนการกระตุ้นไข่ไปแล้ว ต่อไปนี้จะเป็นการอธิบายว่าคุณจะรู้สึกอย่างไร อาจมีความไม่สบายตัวหรือความเจ็บเกิดขึ้นระหว่างการกระตุ้นไข่ ยาบางตัวอาจมาในรูปแบบฉีดซึ่งต้องฉีดเองทุกวัน นั่นหมายถึงความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้นบ่อย ๆ ตรงบริเวณที่ฉีดและความวิตกกังวลหากคุณรู้สึกไม่สบายใจกับเข็มฉีดยา คนที่มีคู่รักหรือคนใกล้ชิดคอยช่วยอาจทรมานกับความเครียดนี้น้อยลง
ความเครียดจากกระบวนการอาจส่งผลให้อารมณ์แปรปรวนอันเป็นภาระจากสถานการณ์ นอกจากนี้ ฮอร์โมน FSH และ LH ยังสามารถกระตุ้นให้เกิดผลข้างเคียงคืออารมณ์แปรปรวนและภาวะซึมเศร้าได้ ยาเหล่านี้อาจนำไปสู่อาการทางกายภาพเช่นอาการปวดท้อง ท้องอืด และอาการเจ็บเต้านม ทั้งยังมีความเสี่ยงที่ผู้หญิงบางส่วนจะมีภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไปอีกด้วย
ฮอร์โมน hCG ต้องให้โดยการฉีด ซึ่งสามารถเป็นสาเหตุให้ผู้หญิงบางส่วนเกิดภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไป อาการต่าง ๆ ของภาวะนี้ได้แก่คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องหรือปวดท้องน้อย ท้องเสีย ท้องอืด หายใจถี่ น้ำหนักขึ้นอย่างรวดเร็ว และปัสสาวะน้อยลง นอกจากอาการทางกายภาพดังกล่าวแล้ว ฮอร์โมน hCG ยังสามารถก่อให้เกิดอาการปวดหัว ความรู้สึกซึมเศร้าและกระสับกระส่ายได้ด้วย
โดยรวมแล้ว การเข้าสู่กระบวนการกระตุ้นไข่อาจเหนื่อยยากทางกายภาพและบางครั้งก็ก่อให้เกิดความเจ็บปวด ยังไม่นับรวมถึงความเครียดทางจิตใจและอารมณ์ที่คาดหวังว่าสิ่งต่าง ๆ จะออกมาดี
ความเสี่ยงที่เกี่ยวเนื่องกับการกระตุ้นไข่
ดังที่ได้กล่าวไปข้างต้น การกระตุ้นไข่คือการจ่ายยาหรือฮอร์โมนกระตุ้นการเจริญพันธุ์ ในบางกรณี กระบวนการนี้อาจส่งผลให้เกิดภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไป (OHSS) ซึ่งเป็นการตอบสนองที่มากเกินไปต่อการฉีดฮอร์โมน ลักษณะของภาวะนี้จะเป็นอาการที่รังไข่บวมและเจ็บ
การตอบสนองนี้อาจกินเวลา 7-10 วันหากการรักษาไม่ได้ให้ผลลัพธ์คือการตั้งครรภ์ที่สำเร็จ ผู้หญิงส่วนใหญ่จะรู้สึกโล่งขึ้นเมื่อประจำเดือนกลับมาปกติ อย่างไรก็ตาม หากมีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น อาการอาจกินเวลานานขึ้นถึงหลายสัปดาห์
เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทราบว่าภาวะนี้มักเกิดขึ้นในผู้หญิงที่ประสบกับภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS)
จะรับมือได้อย่างไร
แม้จะต้องเจอกับความเครียดที่มากับการรักษาด้วย IVF Treatment พ่อแม่ทั้งหลายที่เปี่ยมความหวังก็ยังยินดีที่จะก้าวผ่านกระบวนการทั้งหมดเพราะนั่นหมายถึงการได้อุ้มลูกน้อยที่พวกเขาปรารถนาไว้ในอ้อมแขนสักวันหนึ่ง ว่ากันตามความคาดหวังแล้ว พวกเขาจะหวังให้ตนผ่านกระบวนการนี้เพียงครั้งเดียว ต่อไปนี้คือสิ่งที่คุณทำได้เพื่อลดความเครียดและความเจ็บปวดจากสถานการณ์นี้
ทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ใส่ใจกับเวลาและวิธีการรับยา ขอให้คู่รักหรือคนใกล้ชิดของคุณช่วยหากคุณพบว่าเป็นเรื่องยากที่จะฉีดยาให้ตนเอง หากไม่สะดวกจริง ๆ ลองสอบถามว่าคุณสามารถใช้แผ่นแปะหรือยาเม็ดแทนได้หรือไม่
ถ้าหากคุณไม่แน่ใจ ไม่มีคำถามอะไรที่ถามไม่ได้ คุณสามารถถามได้หากมีอะไรไม่ชัดเจน แพทย์ของคุณจะทำหน้าที่อธิบายให้คุณเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าความคาดหวังต่อตัวคุณคืออะไร และความคาดหวังระหว่างกระบวนการนี้คืออะไร
อยู่ให้ใกล้ชิดกับคลีนิคผู้มีบุตรยาก เพราะบางครั้งตารางเวลาก็กระชั้นชิด เช่นชั่วโมงก่อนเก็บไข่หลังจากได้รับฮอร์โมน hCG แล้ว พยายามหาที่พักสะดวกสบายใกล้คลินิคเพื่อที่คุณจะได้ไม่พลาดนัดสำหรับการเก็บไข่และต้องเริ่มต้นใหม่
ทำใจให้สบาย พักผ่อนให้เพียงพอเพื่อลดความเครียด ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ใช้แรงเยอะระหว่าง IVF cycle ร่างกายของคุณทำงานหนักมาพอแล้วระหว่างการกระตุ้นไข่ ดังนั้นอย่าฝืนใช้ร่างกายจนเกินขีดจำกัดในช่วงเวลานี้ หากจำเป็น ให้ออกกำลังกายแบบที่มีแรงกระแทกต่ำ นอนหลับและรับสารอาหารให้เพียงพอ อ่อนโยนต่อตนเอง
ลองพิจารณาการแช่แข็งเก็บรักษาเซลล์ไข่ หรือ การแช่แข็งไข่ การแช่แข็งไข่หรือตัวอ่อนจะทำให้คุณสามารถทำ IVF Treatment ได้โดยไม่ต้องทำการกระตุ้นไข่และเก็บไข่ซ้ำ ๆ นั่นหมายถึงการพยายามมีลูกได้อีกครั้งโดยไม่ต้องเจอกับความยุ่งยากหรือราคาที่สูง